ล้วงกระโปรง “อุ้ม ลักขณา” ในฉากเซ็กส์ซีน เจ้าตัวเผยช่วยตัวเองจริง เปียกจริง แต่เสร็จหรือเปล่า….





คลิกแชร์ก่อนเข้าชมคลิป

ล้วงกระโปรง “อุ้ม ลักขณา” กับฉากเซ็กส์ซีน เจ้าตัวเผยช่วยตัวเองจริง เปียกจริง แต่เสร็จหรือเปล่า… เท่านั้นไม่พอยังลงทุนให้พระเอกโกนขนอวัยวะเพศอีกต่างหาก สุดปลื้มมีแต่คนชมเล่นดี ถือเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตการแสดง

สร้างประวัติศาสตร์ในวงการภาพยนตร์อีโรติกเลยทีเดียวสำหรับ “อุ้ม ลักขณา วัธนวงศ์สิริ” หลังจากตัดสินใจรับบท “ส้ม” ในภาพยนตร์ “น้ำตาลแดง” เพราะหนังเรื่องนี้ถึงจะไม่มีฉากเลิฟซีนจ๊วบจ๊าบซู่ซ่ากับดาราหนุ่มๆ แต่ก็มีฉากที่อุ้มต้องปลดเปลื้องอารมณ์โดยการ “สำเร็จความใคร่” ตัวเองในห้องน้ำ แถมยังมีการสัมผัสน้ำรักของตัวเองทั้งดูดทั้งดมอีกต่างหาก….โอ้ววว

โดยฉากนี้ถูกเผยแพร่อยู่ในหนังเรื่องดังกล่าวยาวนานเกือบ 10 นาทีเต็มชนิดไม่มีตัดต่อ เล่นเอาคนดูแทบจะกลั้นใจตาย เพราะว่ากันว่าฉากนี้อุ้มเล่นได้อินสุดๆ จนเป็นที่ถกเถียงกันว่า อุ้มปฏิบัติการสำเร็จความใคร่ตัวเองจริงๆ หรือเปล่า ?!

รวมไปถึงฉากที่ต้องสักบริเวณเนินอวัยวะเพศ ซึ่งในหนังเผยให้เห็นถึงขั้นตอนการสัก เริ่มตั้งแต่การโกนขนบริเวณดังกล่าวเลยทีเดียว เล่นเอาคนดูอึ้งเลยทีเดียวว่า นี่โกนจริงหรือสแตนด์อิน ก็ฮอตซะขนาดนี้บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ก็เลยไม่พลาดที่จะจับอุ้มมาเผยให้หมดเปลือก ชนิดล้วงลึกใต้กระโปรงเลยทีเดียว

ผลก็คือ อึ้ง ทึ่ง เสียว เพราะเจ้าตัวคอนเฟิร์มแบบตรงๆ ว่า สองซีนสุดสะเด่าดังกล่าวว่า ช่วยตัวเองจริง เปียกจริง โกนจริง แต่เสร็จหรือเปล่า….

“สำหรับหนังเรื่องนี้ถือเป็นความแปลกใหม่ของวงการ เพราะเป็นหนังเรื่องแรกที่มีการจัดเรตติ้งจริงๆ ตอนที่ติดต่อมาเขาบอกว่า เขาค้นหานักแสดงมาครึ่งปีกว่าจะมาลงตัวเป็นอุ้ม โจทย์ของผู้กำกับก็คือต้องการให้ส้มหรือตัวนางเอกเนี่ย เป็นผู้หญิงที่หน้าไทยผิวแทนดูคมๆ นิดนึง พอเขามีโอกาสได้มาเจออุ้มและพูดคุยกันก็กลายเป็นว่า เราคือคาแรคเตอร์ที่เขาตามหาอยู่”

“พอคุยเรื่องคาแรคเตอร์เสร็จก็มาคุยเรื่องของบท เขาก็ส่งบทมาให้อ่าน พออ่านแล้วก็อึ้งไปเลยมันต้องมีฉากนี้ด้วยเหรอ แต่พอได้พูดคุยกับผู้กำกับก็ทำให้เรารู้ถึงที่มาที่ไปของฉากนี้ มันมีเหตุผลของมัน มันมีความจำเป็นจะต้องมี และพอมีออกมาแล้วก็ไม่ได้ทำให้หนังดูน่าเกลียดหรืออนาจาร แต่มันกลับเป็นอีกมุมหนึ่งที่เป็นแง่คิดให้กับผู้หญิงว่า มันไม่จำเป็นจะต้องไปวันไนท์สแตนด์หรือไปนอนอะไรกับใคร”

“คือผู้หญิงเราทุกคนมีความต้องการ มีความปรารถนา แต่ว่าแรงปรารถนานั้นเราจะแสดงออกเป็นรูปแบบไหน บางคนอาจจะคิดว่าการมีเซ็กส์เป็นเรื่องง่ายๆ แค่มีอารมณ์ก็มีอะไรกัน ซึ่งตัวละครตัวนี้มีความเป็นผู้หญิงไทยมีความต้องการ แต่เราเลือกที่จะเก็บเอาไว้ และเราก็สามารถทำด้วยตัวเองก็ได้นิ ไม่จำเป็นจะต้องจบด้วยการไปนอนกัน ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่ดีนะเพราะเรามีความต้องการแต่เราก็ไม่ได้ไปมั่วกับใคร”

“แล้วมาดูตัวละครก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่มาก อุ้มไม่ต้องแต่งหน้า ไม่ต้องทำผม ไม่ต้องทำให้ตัวเองดูเซ็กซี่ มันไม่ต้องประดิษฐ์ขึ้นมาว่าฉันเซ็กซี่ แต่มันเซ็กซี่โดยอารมณ์ของตัวละคร เราชอบมากรู้สึกว่ามันเจ๋ง เราไม่ต้องแต่งหน้าไม่ต้องทำอะไร แต่ออกมาแล้วมันใสมากเป็นผู้หญิงที่มีอยู่จริงบนท้องถนนทั่วไป บทของส้มจะเป็นผู้หญิงที่มาจากต่างจังหวัด ทำงานนวดอยู่ข้าวสาร”

อินจัด “สำเร็จความใคร่” จริง !

“อุ้มเล่น 10 นาทีเทคเดียวผ่าน มันเป็นฉาก LONG TAKE เล่นยาวเลยและเขาก็เอาทั้ง 10 นาทีมาฉายโดยที่ไม่มีการตัดต่อ แต่ตอนถ่ายก็จะมีบางช็อตที่มีการรับภาพใกล้ แต่พอถึงเวลาที่จะต้องเลือกจริงๆ เขาก็เอาภาพที่รับใกล้ๆ กับภาพที่เป็นฉาก LONG TAKE ไปให้ทางคณะกรรมการดู ให้นิสิตนักศึกษาดู ซึ่งทุกคนดูแล้วก็บอกว่าฉากที่เป็น LONG TAKE ได้อารมณ์กว่า ทั้งๆ ที่ฉาก LONG TAKE แทบจะไม่เห็นอะไรเลย ไม่เห็นหัวนม ไม่เห็นเต้านมเต็มๆ แต่ฉากที่รับภาพใกล้ๆ ที่เห็นหัวนมกลับไม่ได้อารมณ์เท่ากับฉาก LONG TAKE”

“อารมณ์การแสดงของอุ้มมันเริ่มมาจาก ค่อยๆ มีความต้องการจนกระทั่งถึงจุดจบ มันก็เลยเป็นอะไรที่ทรมานใจมากกว่าการตัดภาพรับภาพ คือฉากที่เป็น LONG TAKE มันทำให้คนดูลุ้นมากกว่า ลุ้นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ลุ้นว่าจะเห็นอะไรไหม ลุ้นว่ากางเกงจะหลุดหรือเปล่า ลุ้นว่าจะถอดเสื้อหรือเปล่า”

“วันที่จะเข้าฉากนี้รู้สึกตื่นเต้นมากๆ คืนนั้นนอนไม่หลับเพราะไม่รู้จะเล่นยังไง ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นกับอารมณ์และความพยายามของอุ้มเอง วันนั้นกินข้าวไม่ลงเลย เครียดมาก ห่วงโป๊ก็ห่วง ห่วงว่าจะเล่นไม่ดีก็ห่วง แต่พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยปุ๊บ อุ้มก็ทำสมาธิอยู่พักนึงค่อยเริ่มการแสดง”

“ทางผู้กำกับไม่ได้มาไกด์เลยว่า ต้องเริ่มต้นยังไง ทุกอย่างเป็นการแสดงของอุ้มหมด เขาบอกแค่ว่า ถ้าเราเป็นส้มแล้วเรารู้สึกแบบนั้นเราจะแสดงออกมายังไง พอถึงเวลาเราก็สวมวิญญาณเข้าไป แล้วเราก็เริ่มจากความรู้สึกจริงๆ ที่มันมาจากตัวละครตัวนั้น เราไม่ได้คิดว่าเราเป็นอุ้มไง ถ้าคิดว่าเป็นอุ้มก็คงเล่นไม่ได้เราคงอาย”

“อุ้มหลับตาแล้วก็นึกถึงตอนนี้ว่าเรากำลังทำหน้าที่อะไรอยู่ เราต้องถ่ายทอดอารมณ์ออกมา ถ้าเราเล่นไม่ดีเล่นไม่ได้ บทนี้จะแบบดูไม่ได้เลยเพราะมันเป็นไฮไลท์ของเรื่อง และหนังเรื่องนี้มันก็เป็นประวัติศาสตร์ เพราะเราเป็นนักแสดงในประเทศไทยคนแรกที่กล้าจะเล่นบทแบบนี้ ต้องใช้สปิริตสูงมากนะคะถึงจะเล่นได้ การเล่นเลิฟซีนกับผู้ชายยังง่ายกว่า”

หลายๆ คนที่ดูหนังเรื่องนี้ต่างสงสัยว่า ตอนที่ “อุ้ม” เข้าฉาก “ช่วยเหลือตัวเอง” เจ้าตัวจินตนาการถึงอะไร ภาพในหนังถึงได้ออกมาเด็ดสะเด่าขนาดนั้น
“อุ้มคิดถึงพระเอกค่ะ คิดถึงฉากนวดซึ่งเป็นฉากก่อนที่จะเกิดฉากนี้ขึ้น คือเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความรักความรู้สึกความปรารถนาผ่านการนวดโดยที่เราไม่ได้มีเซ็กส์กัน แต่มันมีการถูกเนื้อต้องตัวและทำให้มีอารมณ์เกิดขึ้น เรานึกถึงว่าฉากนั้นเราเล่นอะไรไปบ้าง พอนึกถึงได้ปุ๊บเราก็ค่อยๆ จินตนาการมันขึ้นมา และก็ค่อยๆ ไต่ระดับความต้องการของตัวเองขึ้นมา ค่อยๆ สร้างความรู้สึกของตัวเองขึ้นมา (ว่าพอนวดเสร็จแล้วมีอะไรกันเราก็จินตนาการไป) ใช่ค่ะจินตนาการไป”

อินจริงๆ หรือเปล่า
(หัวเราะชอบใจเสียงดัง) “มันก็อินเนอร์จริงๆ ค่ะ เรารู้สึกจริงๆ เราเล่นจริงๆ มันก็เลยออกมาเป็นแบบนั้นล่ะค่ะ ทุกอย่างมันต้องเป็นอะไรที่มันจริงอยู่แล้ว เพราะถ้าอะไรมันหลอกคนดูจะจับผิดได้ ถ้ามันคือการหลอก ถ้ามันคือการเสแสร้งแกล้งทำ แต่อันนี้มันไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำมันคือการทำจริงๆ หรือเปล่า จนคนคิดว่าเฮ้ย…นี่ทำจริงๆ หรือเหรอ เฮ้ย….นี่สำเร็จจริงๆ หรือเปล่าอะไรอย่างนี้ อันนี้ไอ้สำเร็จจริงๆ หรือเปล่าไม่บอกแล้วกัน แต่ว่าเล่นจริงๆ ทำจริงๆ”

ถ้า “อุ้ม” บอกว่า การเล่นฉากนี้คือการแสดงของตัวเองล้วนๆ ที่เล่นไปตามอารมณ์และจินตนาการของตัวเอง ก็ถือว่าเจ้าตัวแรงไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว เพราะในฉากมีการดูดดมสัมผัสน้ำรักของตัวเองผ่านมือด้วย
“ผู้กำกับเป็นคนที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะเขาเป็นผู้หญิง เพราะฉะนั้นอารมณ์ของผู้หญิงมันมีอารมณ์เซ้นซิทีฟมีอารมณ์ที่นุ่นนวลนุ่มลึกกว่าผู้ชาย มันไม่ใช่อารมณ์รุนแรงแบบป๊ะๆๆ กันแบบนั้น แต่มันเป็นอารมณ์ที่เป็นศิลปะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป”

“อย่างในฉากที่มีน้ำแล้วเอามาสัมผัสมาลองดมลองกิน อันนั้นผู้กำกับก็บอกมาว่า อยากให้มีฉากนั้นด้วย อยากให้มีการกระทำแบบนั้นด้วย (เพื่อ….) เพื่ออะไรเหรอคะ มันก็คงเป็นอารมณ์หนึ่งของความเป็นส่วนตัว ตอนนั้นเราอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งมันเป็นที่ส่วนตัว ผู้หญิงคนหนึ่งมีความต้องการและอยากรู้สึก อยากได้กลิ่น อยากสัมผัส มันเป็นเหมือนการสัมผัสตัวเองและสัมผัสผ่านไปยังพระเอกด้วย คือมันต้องการจะสื่ออารมณ์”

ก็เล่นสมจริงสมจังซะขนาดนั้น เราก็เลยอดถามไม่ได้ว่า ฝ่ายพร็อบใช้อะไรแทนน้ำของจริง ให้กินอะไร ดมอะไร เล่นเอา “อุ้ม” ถึงกับหัวเราะร้อง “ว้าย..” เลยทีเดียว ก่อนจะตอบว่า….
“ก็หนูจับอะไรอยู่ก็…(หัวเราะฮ่าๆ) มันเห็นน้ำเลยเหรอคะ (ใช่…มันเป็นฉากยาวแสดงว่าของจริง) ใช่ค่ะมันเป็นฉากยาว”

ปรนเปรอตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา

หนังเรื่องนี้สอนไม่ให้ผู้หญิงต้องไปมั่วกับผู้ชายเมื่อเกิดอารมณ์ แต่สามารถปรนเปรอตัวเองได้ แล้ว “อุ้ม” รู้สึกอย่างไรก็กับการปรนเปรอตัวเอง
“อุ้มเห็นด้วยอย่างยิ่ง ผู้หญิงจะเมคเลิฟจะมีเซ็กส์ได้ก็ต่อเมื่อตัวเองมีความรัก แต่ไม่เหมือนผู้ชายมีเซ็กส์กับใครก็ได้เพียงแค่คุณมีความต้องการทางเพศ แต่ผู้หญิงไม่ใช่ อย่างอุ้มเนี่ย อุ้มเป็นคนหนึ่งที่จะไม่มีอะไรกับใครเลย ถ้าอุ้มไม่ได้รู้สึกว่าดีกับผู้ชายคนนี้ รักผู้ชายคนนี้ อุ้มไม่เคยวันไนท์สแตนด์….กับใคร ไม่เคยแบบคนนี้ฮอตว่ะไปเราไปต่อกันที่โรงแรม”

“อุ้มคือผู้หญิงที่ไว้เนื้อไว้ตัวเหมือนกัน การที่เราจะมีอะไรกับใครสักคน คนนั้นจะต้องเป็นคนที่สเปเชี่ยลสำหรับเรา และเป็นคนที่คิดว่า คนนี้แหละคือแฟนเรา เราถึงจะยอมมีอะไรด้วย ซึ่งมันก็เหมือนกับตัวส้ม เขาเป็นผู้หญิงธรรมดาที่รู้จักจะยับยั้งชั่งใจตัวเอง มันมีความต้องการเราไม่จำเป็นจะต้องไปเอากับใครก็ได้ ไปนอนกับใครก็ได้ เราเพียงแค่อยู่กับตัวเอง ต้องการก็ปลดเปลื้องตัวเองไป เพราะมันก็เป็นแรงปรารถนาที่เราสามารถเลือกที่จะทำได้”

บางคนมองว่า “การช่วยเหลือตัวเอง” เป็นเรื่องน่าอาย แต่สำหรับ “อุ้ม” กลับมองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมชาติ
“อุ้มว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ อุ้มเชื่อว่าทุกคนรู้จักการสำเร็จความใคร่ ทุกคนรู้ว่าการสำเร็จความใคร่เพื่ออะไร เพราะฉะนั้นต้องให้ดูในภาพยนตร์ว่า ส้มทำในห้องน้ำเป็นที่ส่วนตัวเป็นที่ปลอดภัย และเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นกลางร้านสปา มันก็เป็นอารมณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความต้องการ ก็ปลดปล่อยอารมณ์เหล่านั้นออกมาตามธรรมชาติ”

“พอถ่ายฉากนั้นเสร็จอุ้มก็ยังมีอารมณ์ค้างของความเป็นตัวนั้นอยู่ ก็ยังอินอยู่ยังเครียดว่า มันจะเห็นเยอะไหม น่าเกลียดไหม แต่เราก็เชื่อใจผู้กำกับเพราะเราสนิทกันมาก อายุเท่ากันเลยเรียกมึงกู แต่อุ้มก็เชื่อว่าเขาจะทำออกมาเป็นศิลปะไม่อนาจาร อุ้มไม่ได้เห็นหนังเลยนะจนกระทั่งถึงรอบเพรส”

“พอดูรอบเพรสนั่งแทบจะกรี๊ด จริงๆ กรี๊ดตั้งแต่วันที่แถลงข่าวแล้วเพราะเห็นตัวอย่าง นั่งก็แบบวู๊…(หัวเราะ) แต่พอวันที่ไปดูจริงๆ ตั้งใจมากนั่งปิดปากตัวเองเพื่อที่จะไม่ให้กรี๊ดมันลุ้นมาก อุ้มจับมือผู้กำกับไว้แน่นมาก เฮ้ย…มันถึงฉากนั้นแล้วฉันเล่นยังไงวะ และฉากนั้นเราเล่นนานมากเราก็จะแบบตื่นเต้น…ตื่นเต้นขึ้นเรื่อย”

“อุ้มกังวลว่าเราจะสื่ออารมณ์ออกมาได้ดีแค่ไหน ไอ้เรื่องโป๊ไม่โป๊ก็อย่างที่บอกว่าเราเชื่อใจผู้กำกับ ผู้กำกับเองเขาก็บอกแล้วว่า มันไม่ได้เห็นอะไรมาก คุณเล่นแค่ไหนเราก็เอาเท่านั้นเพราะไม่มีการตัดต่อ ฉากนี้มันยาวเลยเทคเดียวผ่าน และก็เอาทั้งตอนมาใส่ในหนัง เราก็รู้สึกว่ามันเจ๋งนะ เพราะถ้าเราเล่นไม่ได้ไม่ถึงจริงๆ การที่เอาภาพโน้นภาพนี้มาช่วยมันก็ช่วยส่งได้ แต่นี่มันไม่มีการตัดต่อแสดงว่าอารมณ์ของเราตอนนั้นมันก็ถึงจริงๆ”

ทุ่มทุนยอม “โกนขนอวัยวะเพศ”

ฉากสักรูปนกยูงตรงเนินอวัยวะเพศ เล่นจริงๆ โกนจริง
“เล่นจริงค่ะไม่มีสแตนด์อินนั่นคือตัวอุ้มจริงๆ (โกนจริงด้วยหรือเปล่า)จริงค่ะ เพียงแต่ไม่ได้สักจริงเป็นแค่แทตทูแปะไว้ (ผู้กำกับขอร้องหรือว่าไง) เราเป็นนักแสดงมืออาชีพค่ะเราไม่อยากหลอกคนดู การที่เราใช้สแตนด์อินยังไงก็รู้ ดูก็รู้อยู่แล้ว และอีกอย่างหนึ่งเราก็เห็นว่ามันไม่ได้โป๊มาก(ลากเสียงยาว) ก็เห็นแค่เนินนิดหน่อยแต่มันอาจจะดูแรง โห…มันต้องโกนเลยเหรอ แต่ด้วยความเป็นจริงแล้วการสักมันต้องโกนขนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแขนขาหรือส่วนไหนก็แล้วแต่ มันก็เลยเกิดฉากนี้เกิดขึ้น”

“และมันก็มีเหตุผลว่าทำไมต้องสักตรงนั้น ทำไมจะต้องสักเป็นรูปนั้น คือมันเหมือนเป็นการนัยๆ บอกพระเอกว่า ฉันพร้อมที่จะให้คุณก้าวเข้ามาเรียนรู้ฉัน มันก็เหมือนกับฉากหนึ่งที่พี่ในร้านนวดเห็นว่าเราชอบวาดรูปนกยูง เขาก็พูดว่า ทำไมมันชอบวาดรูปนกยูงกับรูปผู้หญิงสงสัยอยากจะรำแพนหาคู่ คือนกยูงเวลาจะหาคู่มันก็จะรำแพน มันก็เหมือนกับนางเอกที่รำแพนเพื่อที่จะบอกว่า เราพร้อมที่จะให้คุณก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรานะ”

ปกติดารานางแบบเวลาถ่ายแบบชุดว่ายน้ำก็ต้องแว็กซ์ตลอดเวลา พอต้องเข้าฉากที่ต้องโกนขนอวัยวะเพศเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
“คือจริงๆ เราทำบิกินี่แว็กซ์เราก็จะทำแค่ขอบไม่ได้ทำทั้งหมดอยู่แล้วมันก็ต้องมีของจริงอยู่บ้าง(หัวเราะ) ไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงขึ้นมาในฉากนั้น มันก็เป็นแบบธรรมชาติอยู่แล้วเพียงแต่เวลาเราจะถ่ายชุดว่ายน้ำเราก็ทำแบบบิกินี่ไลน์ ทำแค่ขอบๆ เฉยๆ”

“ฉากนั้นพระเอกเขาก็โกนจริงๆ มือของพระเอกจริงๆ อุ้มก็ไม่ได้รู้สึกกลัวนะ เพราะผู้ชายเขาคงเคยโกนหนวดบ้าง(หัวเราะ) แต่เราก็มีการเซฟที่ดีและจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ลงไปต่ำขนาดนั้น มันแค่นิดเดียวเอง เราก็เล่นกันเทคเดียวค่ะ เพราะมันไม่มีให้โกนอีก”(หัวเราะ)

สองฉากเด็ด “สำเร็จความใคร่” กับ “โกนขนอวัยวะเพศ” ที่ “อุ้ม” ทุ่มทุนเล่นจริงในการแสดง นับว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ในวงการบันเทิงไทย น่าจะเรียกได้ว่า อุ้มคือคนแรกในวงการที่เล่นฉากนี้ ขนาดดาราที่แก้ผ้าเล่นเลิฟซีนก็ยังแรงไม่เท่าฉากนี้ อย่างไรก็ตามเจ้าตัวก็ภูมิใจเพราะได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก
“ในเมืองนอกมีฉากแบบนี้นะคะ แต่อันนั้นจะเห็นทั้งอันเลยแต่ไม่เห็นตอนโกน ถามว่าน่าเกลียดไหม อุ้มว่ามันก็จะดูแรง แต่หนังเรื่องนี้เป็นหนังอีโรติกอาร์ต โดยเฉพาะตอนของอุ้มไม่มีเลิฟซีนเลยแต่จะเน้นเรื่องของอารมณ์ ภาพที่เห็นก็ไม่ใช่แบบเห็นทั้งอันโกนทั้งอัน มันเห็นแค่ให้ได้รู้สึกถึงอารมณ์”

“หนังเรื่องนี้ได้รับเสียงชื่นชมค่อนข้างมาก วันนั้นพี่งัด(สุพล วิเชียรฉาย) มาชมรอบเพรสด้วย พอดูเสร็จเขาจับแขนอุ้มและบอกว่า ตอนนี้เขามองอุ้มเปลี่ยนไปเลย พี่ตกหลุมรักอุ้มในหนังมาก ตกหลุมรักตัวส้ม และก็ตกหลุมรักการแสดงของอุ้ม เขาบอกว่าอุ้มเอาทั้งเรื่องอยู่ ไม่มีการหลุดอารมณ์เลยทั้งๆ ที่ไม่พูดอะไรเลยทั้งเรื่อง มีการพูดแค่ประโยคเดียวแต่อุ้มสามารถเล่นได้ดี สามารถสื่อแววตาออกมาได้ดี มันมีอินเนอร์จริงๆ พี่งัดก็ชมว่า เขาไม่เคยได้เห็นผลงานการแสดงของอุ้ม พอเห็นแล้วเขามองอุ้มเปลี่ยนแปลงไปเลย เขาบอกว่า เราสามารถโกอินเตอร์ได้ การแสดงของอุ้มแบบนี้ไม่ใช่ว่าใครจะทำได้”

“อย่างพี่ปรัชญา(ปรัชญา ปิ่นแก้ว) พี่อ๊อด(บัณฑิต ทองดี) เขาจะติดกับภาพที่อุ้มเป็นกระสือเขาก็ไม่คิดว่า การที่เราไม่แต่งหน้าแต่ทำไมเรามีเสน่ห์มาก ทุกคนจะบอกว่าตกหลุมรักอุ้มในตัวละครตัวนั้น คณะกรรมการเซ็นเซอร์ก็บอกว่าตกหลุมรักส้ม ไม่คิดว่าอุ้ม ลักขณาจะสามารถแสดงได้แบบนี้”

“หนังเรื่องนี้อุ้มภูมิใจมากวันที่ดูรอบเพรสเสร็จก็มีไปปาร์ตี้กันต่อ ก็ไปกับพี่ปรัชญากับพี่อ๊อดผู้กำกับ อุ้มก็ไปขอบคุณเขาว่า ขอบคุณที่เชื่อใจที่เชื่อว่าอุ้มสามารถทำได้ ขอบคุณที่ให้โอกาสเรา ให้เราได้ฝึกทักษะการแสดงที่มันยากเหลือเกินที่จะทำใจต้องยอมรับกับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้น มันเป็นการแสดงจริงๆ และเราก็ภูมิใจว่า ทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราเป็นส้ม”

“และเสียงชื่นชมครั้งนี้มันก็เหมือนเป็นใบเบิกทางในเรื่องการแสดงของอุ้ม มันเป็นเหมือนยาชูกำลังที่ดีที่สุดเลย พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า เรารู้สึกภูมิใจมากๆ ที่ได้เล่นเรื่องนี้ ขอบคุณผู้กำกับ ขอบคุณสหมงคลฟิล์ม ขอบคุณพี่อ๊อด พี่ปรัชญา ขอบคุณทุกๆ คนที่เชื่อว่า อุ้มเป็นส้มได้”

“และตัวผู้กำกับเองเขาก็ขอบคุณอุ้มที่เชื่อในตัวเอม เพราะเอมก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ทำหนังสั้นมาประกวดและเขาก็ไม่เคยมีผลงานขนาดนี้ที่ทำให้ประชาชนทั้งประเทศดู แต่ทำไมอุ้มถึงเชื่อใจเอม เราก็กอดกันเราร้องไห้ อุ้มรู้สึกว่ามันเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ทำให้ทุกคนได้รู้ว่า อุ้มไม่ได้มีแค่ความเซ็กซี่ แต่อุ้มก็ยังมีความสามารถในเรื่องการแสดงจริงๆ”

Comments